วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เทพีเสรีภาพล้วงข้อมูลพันธมิตร (ผิด(อะไร)ไหม ?)

       

         สวัสดีครับ มาพบกันอีกครั้งในบล็อคนี้นะครับ วันนี้ผมมีข่าวดังข่าวใหญ่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาให้ดูกันด้วย ที่ว่าเป็นข่าวใหญ่นั้น เพราะคนที่ทำผิดครั้งนี้ คือสหรัฐอเมริกา ประเทศแห่งเสรีภาพและประชาธิปไตยที่สุดแสนจะกินได้นั่นเอง ส่วนเนื้อข่าวจะเป็นอย่างไร เรามาติดตามดูกันนะครับ



http://www.thairath.co.th/column/oversea/7days/378696

         เรื่องก็มีอยู่ว่ามีผู้ชายอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเขาเคยเป็นช่างเทคนิคที่ CIA นามว่า นายเอ็ดเวิร์ด สโนวเดน บุรุษผู้นี้ได้กระทำการอันเจ็บช้ำและปวดร้าวเป็นอย่างมากให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยการนำข้อมูลความลับต่างๆของรัฐบาลออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะชนและประเทศต่างๆทั่วโลก โดยในข่าวนี้ นายเอ็ดเวิร์ดได้เปิดเผยข้อมูลว่า หน่วยงาน NSA ได้ลอบสอดแนมข้อมูลการใช้โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตของทั้งชาวอเมริกันเองและชาวต่างชาติอย่างมโหฬารบานตะไท ภายใต้โครงการ Prism โดยจุดประสงค์หลักเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย และยังต่อด้วยการแอบฟังการติดต่อสื่อสารของนักการทูต รวมทั้งาหภาพอียู ยูเอ็น และอีกมากมาย  เรียกได้ว่า งานนี้รัฐบาลสหรัฐต้องแก้ตัวกันยกใหญ่เลยทีเดียว เพราะเล่นแอบฟังกันถึงขนาดรู้ได้ว่า คนระดับผู้นำต่างๆนั้น จะไปกินข้าวกับครอบครัวที่ไหน

          เอาเป็นว่าเนื้อข่าวหลักๆก็คือการแอบดูแอบฟังการติดต่อสื่อสารของบรรดาผู้นำและองค์กรต่างๆก็แล้วกัน ส่วนรายละเอียดนั้น สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์ใต้รูปเลยนะครับ

         ต่อไป เรามาดูกันว่า การกระทำแบบนี้ ถ้าเป็นบ้านเราเนี่ย จะเข้าข่ายความผิดอะไรบ้าง

ความผิดที่เกิดขึ้นคือ การใช้อุปกรณ์ เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ในการล้วงข้อมูล ความลับที่เจ้าของไม่ต้องการให้มีใครรู้ หรือเรียกว่า Hack นั่นเอง มาดูข้อกฏที่ว่าด้วยเรื่องของการแฮ็ก
กันนะครับ



 ฐานความผิดอาชญากรคอมพิวเตอร์

        แฮกเกอร์ (Hacker)

         มาตรา ๕ "ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดิอน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

         มาตรา ๖ "ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้น เป็นการเฉพาะ ถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

         มาตรา ๗ " ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

          มาตรา ๘ "ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ โดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็คทรอนิคส์เพื่อดักรับไว้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ"

คำอธิบาย  ในกลุ่มความผิดนี้ เป็นเรื่องของแฮกเกอร์ (Hacker) คือ การเจาะเข้าไปใน"ระบบ"คอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ซึ่งระดับความร้ายแรงของโทษ ไล่ขึ้นไปจากการใช้ mail ของคนอื่น เข้าไปในระบบ  หรือเผยแพร่ mail ของคนอื่น การเข้าไปใน "ข้อมูล" คอมพิวเตอร์ ของบุคคลอื่น จนกระทั่งการเข้าไปจารกรรมข้อมูลส่วนบุคคล โดยวิธีการทางอิเล็คทรอนิกส์ เช่น ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการค้า (Corporate Eepionage)



         หากดูจากข้อกฏหมายข้างต้นแล้วเนี่ย ถ้าการกระทำนี้เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทยล่ะก็ โดนเต็มๆทุกข้อที่กล่าวมาเลยครับ และอาจจะมีข้อหาเพิ่มเติมอีก เช่น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หมิ่นประมาท ฯลฯ เพราะบุคคลหรือองค์กรที่ถูกล้วงข้อมูลหรือดักฟังนั้น ย่อมเกิดความเสียหายขึ้นไม่มากก็น้อย ทำให้ธุรกิจเสียหาย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำถูกบั่นทอน

         การใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆทำการละเมิดผู้อื่นนั้น ถือเป็นเรื่องที่แย่เอามากๆเลยทีเดียว เพราะทุกคนก็ล้วนมีความลับ มีสิ่งที่ไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ ลองคิดดูกลับกันว่าหากตัวเองโดนบ้างจะเป็นเช่นไร

          ผมอยากจะฝากท่านผู้อ่านทุกคนถึงเรื่องการแอบดูหรือแอบฟังข้อมูลต่างๆที่เราไม่ได้รับอนุญาตนะครับ มันอาจส่งผลร้ายหลายๆอย่างให้กับเราและคนรอบข้างได้นะครับ เรื่องส่วนตัวผู้อื่นไม่ควรไปยุ่งมากนะครับโผมมม




  เรื่องสุดท้าย คือเรื่องการ Like and Share ใน Facebook นะครับ อยากจะเตือนผู้อ่านทุกคนไว้นะครับ ว่าแค่การกด like กด share บางทีเราก็อาจตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ได้นะครับ แนะนำว่า อะไรที่มีลิขสิทธิ์ เจ้าของไม่อนุญาต หรือภาพข้อความนั้นดูแล้วสื่อไปในแง่ไม่ถูกไม่ควรนัก เราอย่าแชร์จะดีกว่านะครับ เพราะอาจเป็นการทำให้ข่าวที่มันไม่ดีนั้นแพร่ไปและคนอาจเข้าใจผิดไปต่างๆนาๆได้ หรือหากอยากจะแชร์จริงๆ ขอให้กล่าวอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่แชร์สักนิดหนึ่ง เพื่อให้คนที่อ่านนั้นเข้าใจว่าเราคิดอย่างไรกับสิ่งที่แชร์ ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันนะครับ ทำอะไรในโลกไอทีเดี๋ยวนี้ต้องคิดให้เยอะ คิดให้มาก มิเช่นนั้นอาจจะได้พูดคำว่า รู้งี้ไม่น่าทำเลย ก็ได้นะครับ

แล้วเจอกันใหม่บล็อคหน้านะครับ  สวัสดีคร้าบบบบบบบบ  ^   ^



















วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สอน สอน สอน ทดลองสอนเพื่อน





ขั้นตอนในการทำงาน : การสอนในชั้นเรียน


        สวัสดีครับ ในบล็อคนี้ผมจะมาเล่าต่อจากบล็อคที่แล้วนะครับ ในบล็อคนี้จะเป็นขั้นตอนการทำงานของการหาข้อมูลมาลองสอนเพื่อนในห้องนะครับ โดยงานนี้ได้ทำกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ลองมาติดตามดูนะครับว่า กลุ่มผมนั้นจะสอนเรื่องอะไรและจะมีวิธีการดำเนินงานอย่างไรนะครับ ^^




ขั้นแรก
            เมื่อได้รับมอบหมายงานมานะครับ กลุ่มผมสี่คนก็ไปคุยกันว่าจะสอนเพื่อนเรื่องอะไรดี ต้อหาเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ สามารถดึงความสนใจของเพื่อนๆได้ เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์และเหมาะกับช่วงวัยด้วย จึงตกลงกันว่า ให้ไปคิดมาคนละหนึ่งอย่างที่อยากจะทำแล้วค่อยมาว่ากันต่อไปครั้งหน้า





ขั้นที่สอง
            เมื่อมาคุยกันอีกครั้งก็นำเรื่องของแต่ละคนมาแชร์กัน และผลสรุปในตอนแรกก็ได้เป็นโยคะ จะสอนโยคะกันเพราะมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเคยไปเรียนมาและพอจะจำท่าทางได้จึงอยากสอนเรื่องนี้ แต่พอมาลองๆนึกถึงแผนงานดูแล้วก็เปลี่ยนเรื่องดีกว่า เพราะมีอะไรไม่ลงตัวเยอะ จึงเปลี่ยนมาเป็นเรื่อง การสอนภาษามือ หรือ ภาษาใบ้นั่นเอง ซึ่งก็ได้เพื่อนคนเดิมอีกที่เคยไปเรียนมา คราวนี้ลองวางแผนกันดูแล้วก็ลงตัว สามารถทำได้ จึงตกลงเป็นที่แน่นอนว่าเลือกเรื่องนี้




ขั้นที่สาม
            หลังจากตกลงเรื่องที่จะได้แล้ว ก็ต้องลองสอนกันเองในกลุ่มก่อน เพื่อให้ความรู้กับสมาชิกกลุ่มอีก3คนที่ไม่รู้ภาษามือ







ขั้นที่สี่
            เมื่อสมาชิกในกลุ่มพอที่จะมีความรู้เกี่ยวกับภาษามือบ้างแล้ว ก็ได้แบ่งประเภทของภาษามือที่จะนำไปสอนเพื่อนกัน โดยแบ่งกันคนละ2หมวด เช่น ยานพาหนะ สถานที่ ครอบครัว อารมณ์ A – Z เป็นต้น




ขั้นที่ห้า
            หลังจากแบ่งหมวดหมู่การสอนกันแล้วก็มาคุยกันถึงขั้นตอนการสอน ว่าจะเริ่มอย่างไรและจะทำอะไรบ้าง จะมีกิจกรรมไหม มีคำถามหรือเปล่า หลังจากคุยกันก็ได้ความว่า จะมีวีดิโอเปิดขึ้นต้นเพื่อเป็นการนำเข้าสู่บทเรียน และก็จะแนะนำตัวผู้สอน แล้วก็จะเริ่มสอนโดยมีกิจกรรมคั่นกลางและปิดท้าย



สิ่งที่ได้รับจากการทำกิจกรรมครั้งนี้
            1. ได้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
            2. ได้ความรู้เพิ่มจากเนื้อหาที่จะนำไปสอน
            3. ได้ฝึกทักษะในการควบคุมชั้นเรียนและกล้าแสดงออก
            4. ได้ให้ความรู้เรื่องภาษามือกับเพื่อนๆ



งาน Blog นั้นทำอย่างไรหนอ





วิเคราะห์ขั้นตอนการทำงาน Blog
 
            สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเสนอเกี่ยวกับขั้นตอนการทำ Blog ของผมนะครับว่า  การจะเขียนเนื้อหาอะไรลงในบล็อคเนี่ย ต้องทำอย่างไรบ้าง ตั้งแต่เริ่มคิดจนกระทั่งฌพสต์งานขึ้นบล็อคเลยนะครับ ลองมาดูกันคร้าบบบ
ขั้นแรก : คิด
            ก่อนอื่นเลยเมื่อได้รับมอบหมายงานมาแล้วว่าต้องเขียนบล็อคเรื่องนี้ ผมก็จะมาคิดก่อนเลยครับ ว่าจะทำอย่างไรดี มีโจทย์มาให้แล้วเหลือแต่ข้อมูลและวิธีนำเสนอที่เราต้องคิดออกมา


ขั้นที่สอง : สืบค้น
            เมื่อรู้แล้วว่าต้องเขียนเกี่ยวกับอะไร เราก็ต้องไปศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม เผื่อว่าจะได้ใช้เสริมในส่วนต่างๆ

ขั้นตอนที่สาม : เรียบเรียง
            เมื่อได้ข้อมูลของเรื่องที่จะเขียนแล้ว ผมก็จะนำข้อมูลนั้นมาเรียบเรียงดูว่า เนื้อหาส่วนใดควรจะขึ้นก่อนหรือหลัง หรือถ้าข้อมูลนั้นเป็นความคิดที่ผมคิดขึ้นมาเอง ผมก็จะเรียงลำดับข้อมูลนั้นไว้ในหัวและก็จดไว้ด้วย กันหลง

ขั้นตอนที่สี่ : ลงมือ!
            เมื่อได้ข้อมูลที่เรียบเรียงมาแล้ว ผมก็จะนำข้อมูลนั้นมาจัดทำในโปรแกรม Microsoft Word ก่อน เพราะว่าก่อนหน้านี้ เคยทำบล็อคโดยการพิมพ์ใส่ลงไปในบล็อคเลย ซึ่งก็เกิดปัญหาเพราะว่าบล็อคนั้นไม่สามรถจัดการรูปแบบของตัวอักษรได้ดีเหมือน โปรแกรม Word  ตอนหลังเมื่อรู้หลักบ้างแล้วผมก็เลยทำใส่ใน Word ก่อน เพื่อความสะดวกในการจัดการ

ขั้นตอนที่ห้า : ตรวจทาน
            หลังจากพิมพ์เนื้อหาข้อมูลใส่ลงใน Word เสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็จะมาตรวจทานและเช็คตำแหน่งของส่วนต่างๆ ว่าดีแล้วหรือยัง หากไม่ได้ตรวจก่อนแล้วเกิดมีข้อผิดพลาดต้องแก้บล็อคจะทำได้ค่อนข้างลำบาก ฉะนั้นก่อนจะทำข้อมูลจาก Word ไปใส่ในบล็อคจึงต้องตรวจสอบสิ่งต่างๆให้ดีเสียก่อน

ขั้นตอนที่หก : โพสต์งานส่ง
            เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็จัดการนำข้อมูลใส่ลงในบล็อค และเมื่อตรวจดูอีกรอบแล้วไม่เจออะไรผิดพลาดก็ทำการเผยแพร่งานได้เลยครับ จากนั้น เมื่องานถูกเผยแพร่ไปแล้ว มันก็จะมี URL หรือ Link ของมันอยู่ ผมก็จะทำลิงค์นั้นไปโพสต์ไว้ในพื้นที่ฌพสต์งานของผมผ่านเพจของอาจารย์ใน Facebook เป็นอันว่า งานบล็อคชิ้นนี้ได้ลุล่วงไปแล้ว แต่ก็ไม่เสมอไปนะครับ เพราะบางทีอาจารย์อาจจะมีคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานที่เราทำ ก็อาจจะต้องนำกลับไปปรับปรุงแก้ไขเสียก่อนแล้วค่อยส่งใหม่ ^^

                                                  สิ่งที่ได้รับจากการทำบล็อค

            การทำบล็อคนี้ผมเองไม่เคยรู้จักมันมาก่อน แต่ก็ได้มาใช้งานเจ้าบล็อคนี้ในการทำงานส่งอาจารย์หรือเผยแพร่ผลงานต่างๆ ซึ่งการทำบล็อคนี้ก็ได้ทำให้เกิดอะไรดีๆขึ้นหลายอย่างกับผมโดยที่บางทีก็อาจไม่รู้ตัว อย่างเช่น งานที่อาจารย์สั่งนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเนื้อหาที่เรียนอยู่ขณะนั้นหรืออาจจะเป็นอะไรใหม่ๆให้ไปค้นหาแล้วนำมาเผยแพร่ ซึ่งงานนั้น ก็คล้ายกับเป็นการทบทวนเนื้อหาที่ได้เรียนไปในตัว ทำให้ต้องมาคิดและวิเคราะห์เรื่องราวเหล่านั้นอีกครั้ง หรือยางทีอาจเป็นการต่อยอดความคิดไปอีกด้วย เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยลดเวลาเล่นเกมลงและมาอยู่กับการเรียนมากขึ้น   ^^




วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

กว่าจะได้สื่อสิ่งพิมพ์สักชิ้น ทำอย่างไรบ้าง






กระบวนการ / ขั้นตอน / วิธีการที่ใช้ในการออกแบบ (สื่อสิ่งพิมพ์)


1. กำหนดวัตถุประสงค์

                ก่อนที่จะทำอย่างอื่นเลยนะครับ ต้องมากำหนดวัตถุประสงค์กันก่อนเลย เพราะจะได้รู้ว่าเราจะทำอะไร เพื่ออะไร และต้องการให้ผู้อ่านได้อะไรบ้างจากสื่อที่ทำ การกำหนดวัตถุประสงค์ยังทำให้ไม่หลงทางเวลาเขียนอีกด้วย เพราะมีวัตถุประสงค์เป็นเหมือนขอบข่ายวางไว้แล้ว ซึ่งผมเองนั้นเลือกทำเรื่องการถักโครเชต์ วัตถุประสงค์โดยรวมก็คืออยากให้ผู้ที่อ่านนั้นรู้จักการทำโครเชต์ และหากสนใจจริงๆก็สามารถนำไปเป็นอาชีพได้อีกด้วย



2. การออกแบบโครงเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์

                1. หน้าปก
                2. ประวัติผู้เขียน
                3. คำนำ
                4. สารบัญ
                5. คำถามก่อนเรียน (ประมาณ 15 – 20 ข้อ ทั้งแบบตัวเลือกและเขียนตอบ )
                6. เนื้อหา
                7. คำถามหลังเรียน
                8. เฉลยแบบทดสอบ
                9. ความรู้สึกผู้เขียน
                10. กิตติกรรมประกาศ
                11. บรรณานุกรม
                12. รูปผลงานโครเชต์
                13. ปกหลัง


3. การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์

                สื่อสิ่งพิมพ์ที่ผมจะทำนั้นจะทำออกมาในรูปแบบของหนังสือ หนังสือสอนการถักโครเชต์ โดยโครงเรื่องที่ได้วางไว้แล้วนั้น ขั้นต่อไปก็คือตรวจทานความถูกต้อง ความเรียบร้อย หลังจากนั้นก็จะนำรูปภาพและข้อมูลที่มีไปจัดว่างตำแหน่ง รูปแบบในโปรแกรม Photoshop CS5 และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ดีแล้วก็จะผลิตออกมาเป็นรูปเล่ม

                ยังไงก็ลองติดตามดูนะครับ ว่าผลงานของผมจะเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดี ถ้าขาดตกบกพร่องอะไรก็ยินดีรับฟังนะครับ

ขอบคุณครับ ^^




 ดูวัตถุประสงค์และความมุ่งหมายของหนังสือได้ที่นี่ครับ

http://zephyrbp.blogspot.com/2012/12/blog-post.html