วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

My Corner



         สวัสดีครับคุณผู้อ่านทั้งหลาย วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขอีกวันหนึ่งเพราะงานนิตยสารเพิ่งจะส่งไปและผ่านไปเรียบร้อยโดยสมบูรณ์ แหม่ มันมีความสุขเสียจริงๆ 

          วันนี้ผมจะมาเล่าให้อ่านนะครับว่า กว่าจะมาเป็นนิตยสาร Corner เล่มนี้ได้เนี่ย มีกระบวนการขั้นตอนอย่างไรบ้าง 

          เริ่มต้นที่ กำหนดตำแหน่งของแต่ละคนในกลุ่มครับ ในกลุ่มผมนั้นมีทั้งหมด 6 คนด้วยกันครับ 
หญิง 3   ชาย 2 และ ชายค่ะ 1  โดยหน้าที่ของแต่ละคนมีดังนี้ครับ

บรรณาธิการได้แก่    "อ๋อ"     ชายค่ะ ของเรา
กราฟิก         ได้แก่    "ภา"   "พลอย"   สองสาวสุดขยัน
ช่างภาพ      ได้แก่    "กาว"   ถ่ายภาพสวยมากครับคนนี้
นักเขียน       ได้แก่    "เกว"    และ "ผมเองครับ" 

          ตัวผมเองอยู่ในตำแหน่งนักเขียนครับ ซึ่งก็รู้สึกดีเลยทีเดียว เพราะปกติผมจะพูดเก่งแต่ครั้งนี้ก็ลองเปลี่ยนจากการจ้อมาเป็นการเขียนตัวหนังสือให้คนอ่านกันแทน แต่หน้าที่ที่กำหนดไปข้างบนนั้น เอาเข้าจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ตรงตามนั้นเสียเท่าไหร่นะครับ คือส่วนใหญ่จะช่วยกันหมดทุกหน้าที่ อย่างงานนักเขียนเนี่ย นี่จะต้องเขียนคอลัมน์ในนิตยสาร พวกเราในกลุ่มก็ทำหน้าที่นี้กันทั้งหมด คือเขียนทุกคน  ต่อไปมาดูวิธีการทำงานของกลุ่มผมกันนะครับ

วิธีการทำงานของกลุ่มผมนะครับ

     อย่างแรกเลยก็คุยกัน มานั่งคุยกันในกลุ่ม ว่าจะทำนิตยสารแนวไหน ท่องเที่ยว วัยรุ่น หรือ สุขภาพ อะไรประมาณนี้ และก็ได้ข้อสรุปมาว่า จะทำแนววัยรุ่น เพราะว่าสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มก็มีแนวมีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบเป็นของตัวเองอยู่แล้ว อย่างบางคนชอบ แฟชั่น ชอบเกาหลี ชอบเกม เป็นต้น การเขียนคอลัมน์ของแต่ละคนจึงเป็นการเขียนเรื่องที่ตัวเองชอบ ตัวเองถนัด เพราะพวกผมก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่นะ

     ถัดมา ก็มาวางหน้า กำหนดว่าหน้านี้คือเรื่องนี้นะ เพื่อง่ายต่อการทำงานต่อๆ ไปครับผม
     จากนั้น ก็เป็นการเขียนคอลัมน์ การลงพื้นที่เพื่อเขียนคอลัมน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอสเพลย์ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ตลาดนัดรถไฟ เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ก็จะส่งให้กับ บ.ก. ผ่านทางกลุ่มใน Facebook บ.ก. ก็จะโหลดไปแล้วก็ไปนั่งอ่าน ตรวจดูว่าตรงไหนใช้คำแปลกๆ มั้ย หรือมีคำสะกดผิดมั้ย หากมี ก็จะคอมเม้นมาแล้วก็นำไปแก้ไขตามนั้น เมื่อแก้อีกครั้งเสร็จเรียบร้อย ก็จะส่งให้กับฝ่ายกราฟิกเพื่อนำไปจัดวางหน้าให้สวยงาม  (งาน Word ธรรมดาของผม สวยขึ้นผิดหูผิดตาเพราะฝีมือของสาวๆ ฝ่ายกราฟิกนี่แหละครับ) 

     ส่วนใหญ่คอลัมน์ของกลุ่มผมจะใช้การส่งงาน ตรวจเช็ค แก้ ส่งไปส่งมาผ่านทาง Facebook เสียเป็นส่วนใหญ่นะครับ แต่ละคนก็มีภารกิจในแต่ละวันต่างกัน อาจไม่ว่างมานั่งทำพร้อมกัน การทำงานแล้วฝากงานไว้ใน Facebook นี่ผมว่าก็ใช้ได้เลยนะครับ สะดวกมากเลย

     หลังจากนั้นก็เป็นการรองานของแต่ละคน เพื่อนำมารวม จัดวางหน้า เรียงหน้า เพื่อปิดเล่มครับ แต่ผมต้องขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า งานนี้ผมค่อนข้างส่งช้ากว่าใครเพื่อนเลย เลยจากวันที่กำหนดมาหลายวันเลยทีเดียว กลัวเพื่อนหงุดหงิดอารมณ์เสียใส่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด เพื่อนกลับให้กำลังใจ บอก สู้นะ ทำไปด้วยกัน ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เสร็จ แหม่ ผมเลยรีบทำ เพราะไม่อยากรู้สึกผิด และงานก็สำเร็จลุล่วงออกมาได้ครับ และก็นำไปส่งโรงพิมพ์ เสร็จเรียบร้อยออกมาเป็นเล่มนี้ครับ ภูมิใจ๊ ภูมิใจ ^__^

 ในเล่มนี้ส่วนที่เป็นคอลัมน์ของผมจะมีทั้งหมด 5 คอลัมน์ครับ
1 Item 2014
2 แอพเด็ด แอพโดน คนแอพแบ๊ว
3 Game on SmartPhone
4 เรื่องเล่าชาว BTS
5 ก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร

ถ้าอยากรู้ว่าแต่ละคอลัมน์ของผมเขียนถึงอะไร เข้าไปอ่านดูได้เลยนะครับ ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลย น่าอ่านทั้งนั้น ขอแค่คลิกเข้าไปนะครับ แล้วคุณจะปิดไม่ลง ไม่เชื่อลอง

http://issuu.com/nego-pa/docs/corner_magazine6




สิ่งที่ได้จากการทำนิตยสารครั้งนี้นะครับ
1 ได้ทำงานกับเพื่อนที่ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน งานกลุ่มครั้งนี้จับฉลากเลือกครับ สุ่มเอา เลยได้อยู่กับเพื่อนที่ไม่เคยทำงานด้วยกัน

2 รู้จักการรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนของตน ที่งานนิตยสารเล่มนี้ปิดช้าก็เพราะผมนี่แหละครับ ส่งคอลัมน์ช้า ไม่ดีเลยเนาะ 55555

3 ได้เห็นความเสียสละและความทุ่มเทของเพื่อนๆ กระผมขอคารวะเพื่อนๆ ในกลุ่มที่ทำให้งานสำเร็จออกมาได้ขนาดนี้ อยากบอกว่า ขอบคุณมากครับ

4 ได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆ ปัญหาเรื่องคนบ้าง ปัญหาเรื่องงานบ้าง ทุกข์กัน เครียดกัน แต่สุดท้ายงานก็เสร็จออกมาได้ และทุกคนก็ Happy 

5 ได้เห็นการบริหารงานในรูปแบบต่างๆ การบริหารวางแผนงานที่ดี ทำให้งานเสร็จออกมาได้แบบไม่เครียดมากนัก แต่การจัดการที่ไม่ดีนัก ทำให้ต้องเจออุปสรรคมากมาย แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ทุกคนล้วนแต่ได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าทั้งสิ้น

6 ได้เห็นนิสัยของเพื่อนแต่ละคน ได้เรียนรู้การทำงานกับคนที่ไม่คุ้นเคย การทำงานกับเพื่อนที่คุ้นเคย มันทำง่ายมาก เอ่ยปากก็รู้ใจ สนุกสนานเฮฮา แต่การทำงานกับเพื่อนที่ไม่ค่อยจะได้ร่วมงานกัน ทำให้เราต้องเคารพอะไรหลายๆ อย่าง ต้องให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อจุดมุ่งหมายคือ งานสำเร็จ

7 ได้ฝึกการเขียนเรื่องราวในรูปแบบของ นิตยสาร จากที่ปกติพูดอย่างเดียว ไม่ชอบเขียนเพราะปวดมือ

8 ได้เรียนรู้การทำสื่อสิ่งพิมพ์ประเภท นิตยสาร จะว่าไปเขียนคอลัมน์ก็สนุกอยู่ไม่น้อยเลยนะ ^^

9 ได้มีผลงานเก็บเป็นพอร์ทไว้ใช้ในอนาคต

10 นิตยสาร "Corner" ได้ถือกำเนิดขึ้นจากฝีมือของ อ๋อ ภา เกว พลอย กาว เบียร์ แห่งเทคโนอโศก 16

          เพื่อนๆ ต้องลองไปทำดูนะครับ หากทำอะไรด้วยความตั้งใจ และสิ่งนั้นสำเร็จไปได้ เราจะมีความภูมิใจกับมันมากทีเดียว น้ำตาแทบไหลเลยแหละ บอกให้

Corner สุดๆ














วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เทคโนโลยีสารสนเทศที่อยู่ใกล้ตัวคุณ มาดูกัน




        สวัสดีครับโผมมม วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศ นะครับ ว่าแท้ที่จริงแล้วคำคำนี้ หมายถึงอะไรกันแน่  ก่อนอื่นผมก็จะบอกความหมายก่อนเลยนะครับ แล้วจากนั้นก็จะยกตัวอย่างมาให้ดูกันซักหนึ่งตัวอย่าง พร้อมนะครับ !





     เริ่มกันที่ความหมายก่อนนะครับ เทคโนโลยีสารสนเทศนั้น มาจากคำสองคำ ก็คือ เทคโนโลยี กับ สารสนเทศ

เทคโนโลยีก็คือ วิธีการ กระขวนการ ขั้นตอน หรือสิ่งต่างๆที่เข้ามาทำให้ชีวิตของมนุษย์มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้น พูดง่ายๆก็คือ เทคโนโลยีทำให้ชีวิตเรา ง่ายขึ้น ดีขึ้น และสะดวกมากขึ้น นั่นเอง

สารสนเทศนั้นหมายถึง ข้อมูลที่ถูกจัดการแล้ว ประมวลผลแล้ว เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง
เมื่อนำสองคำมารวมกันจึงกลายเป็น เทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งมีความหมายว่า เทคนิค วิธีการ กระบวนการหรือขั้นต่างๆที่เข้ามาจัดการกับข้อมูล ประมวลผลข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลนั้นเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต นั่นเอง !

     เมื่อทราบความหมายโดยสังเขปแล้ว ผมจะหยิบยกหนึ่งตัวอย่างของ เทคโนโลยีสารสนเทศนี้มาให้ดูกัน นั่นก็คือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค นั่นเอง เจ้าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่อยู๋ใกล้ตัวเรามากเลยทีเดียว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า มันถูกจัดเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศด้วย

ทำไมโน้ตบุ้คถึงเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

     ก็เพราะว่าโน้ตบุ้คมีความสามารถในการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพได้ในสมัยนี้ เช่น

การสร้างข้อมูล โน้ตบุ้คสามารถให้ผู้ใช้สร้างข้อมูลเองได้ผ่านโปรแกรมต่างๆ ที่มีมาให้ เป็นการสร้างข้อมูลที่ผู้ใช้ทุกคนสามารถทำเองได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สร้างข้อมูลที่เป็นของตัวเองได้

การรับข้อมูล โน้ตบุ้คสามารถรับข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เข้ามาและประมวลผลเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับทราบข้อมูลนั้นๆ ตามต้องการ โดยทุกวันนี้เรารับทราบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในรอบวันโดยผ่านโน้ตบุ้ค เช่น เหตุการณ์บ้านเมือง การรับข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน การรับข้อมูลเกี่ยวกับหุ้น ราคาทอง เป็นต้น

การส่งข้อมูล โน้ตบุ้คสามารถส่งข้อมูลที่ผู้ใช้มีไปให้ผู้อื่นรับรู้ร่วมกันได้ เป็นการกระจายแหล่งข้อมูลหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ผู้ใช้มีต่อสาธารณะ เช่นการส่งงานให้ลูกค้า การเสนองานต่างๆ ข้อมูลงานวิจัย หรือผลสำรวจต่างๆ ก็สามารถเผยแพร่ได้ และเป็นการง่ายอีกด้วยหากข้อมูลที่เราส่งต่อให้คนอื่นนั้น มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ก็สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก ทำให้ข้อมูลนั้นมีความทันสมัยตลอดเวลา

การจัดเก็บข้อมูล โน้ตบุ้คสามารถจัดเก็บข้อมูลที่ผู้ใช้นำเข้ามาในเครื่องได้อย่างมาก สามารถเก็บข้อมูล งาน ต่างๆ ไว้ได้มากมายและแม่นยำ ผิดพลาดน้อยมาก โน้ตบุ้ครุ่นใหม่ๆ ในสมัยนี้ จะมีพื้นที่ให้เก็บข้อมูลไว้ได้เยอะมากจนแทบไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริมเพื่อจัดเก็บข้อมูลเลย โน้ตบุ้คจึงเป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจเรา หากมีข้อมูลอะไรที่สำคัญอยากเก็บไว้ ก็เก็บไว้ได้ไม่ต้องกลัวหาย และเมื่อเรียกข้อมูลขึ้นมาเมื่อไร ก็มาครบ ไม่มีตกหล่นแม้แต่น้อย

การสำรองข้อมูล โน้ตบุ้คมีระบบการสำรองข้อมูลไว้ เผื่อในกรณีที่การจัดเก็บข้อมูลแบบปกตินั้น เกิดความผิดพลาด ทำให้ข้อมูลที่ส่งออกไปภายนอกเกิดความเสียหาย หรือข้อมูลในเครื่องอาจจะหายไป ก็ยังมีระบบ Back up File อยู่ เพื่อทำการกู้คืนไฟล์ที่สูญหายไป

การติดต่อสื่อสาร โน้ตบุ้คยังเป็นตัวกลางที่ทำให้เราได้คุยกับใครได้มากมายผ่าน Software ต่างๆ เช่น Skype  MSN เป็นต้น โดยไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว แค่นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ้คก็สามารถติดต่อสื่อสารหรือคุยงาน คุยธุรกิจกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     จากข้อมูลที่บอกนั้น จะเห็นได้ว่า โน้ตบุ้คเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดี ง่าย และมีประโยชน์มากเลยทีเดียว สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ให้เราได้มากมาย โดยที่บางครั้งเราไม่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจเอง เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการกับข้อมูลต่างๆ ที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวัน ให้มีความง่าย สะดวก กะทัดรัด และเหมาะกับการนำมาใช้ได้ทันที


ผมมีประวัติเกี่ยวกับโน้ตบุ้คคร่าวๆ มาให้ดูกันนะครับ
โน๊ตบุ๊คตัวแรกของโลกที่บันทึกไว้ จริงๆ เป็นเพียงการเขียนหรือจินตนาการคอมพิวเตอร์ที่พกพาได้ เกิดในปี 1970 ก็ราวๆ พ.ศ. 2513 เป็นเพียงจินตนาการตั้งแต่ปี 1968 โดย Alan Kay ที่ Xerox PARC ซึ่งตั้งชื่อไว้ว่า "Dynabook"  
การผลิตที่เป็นเรื่องเป็นราวหรือจะทำเป็นการค้า มาเกิดในปี 2516 โดยใช้ Palm Processor คำว่า Palm มาจากคำว่า Put All Logic In Microcode เป็นโครงการที่คิดค้นของ IBM และต่อมาก็ได้พัฒนามากันเรื่อยๆ จนสามารถประมวลผลอะไรต่อมิอะไรได้มากมายมหาศาลนัก ทั้งรับข้อมูล จัดเก็บ และส่งต่อ ทำได้สารพัดเลยทีเดียว





ข้อดีของเทคโนโลยีสารสนเทศชิ้นนี้นะครับ
     ๑ เป็นเทคโนโลยีที่อยู๋ใกล้ตัว (ถ้าเป็นในเมืองก็จะมีกันเกือบทุกบ้าน)
     ๒ สามารถจัดการข้อมูลได้หลากหลายวิธี ผ่านโปรแกรมต่างๆ
     ๓ สามารถรับข้อมูลข่าวสารต่างๆผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้โดยง่าย
     ๔ รับข้อมูล ประมวลผล และส่งต่อให้กับคนอื่นๆได้
     ๕ เก็บข้อมูลได้เป็นเวลานาน

ข้อเสีย
     ๑ โน้ตบุ้คแต่ละเครื่องนั้น มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ไม่เท่ากัน ทำให้รุ่นที่ใหม่กว่าผลิตออกมาเรื่อยๆ และเครื่องที่มีอยู่ ไม่นานก็จะตกรุ่น ทำให้รับข้อมูลบางอย่างได้ดีไม่เท่ากับรุ่นใหม่
     ๒ การจะรับข้อมูลข่าวสารให้ได้กว้างมากขึ้นนั้น จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
     ๓ ไม่สะดวกพกพาเท่ากับ ไอแพดหรือไอโฟน

     โน้ตบุ้คนับเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคดิจิตอลนี้ และในอนาคตก็คาดว่าน่าจะยังได้รับความนิยมอยู่ แต่นานไปก็อาจมีเทคโนโลยีสารสนเทศตัวใหม่ๆเข้ามาแทนที่ ตัวที่ง่ายกว่า สะดวกกว่า ทำอะไรได้มากกว่า ก็อย่างว่านะครับ เทคโนโลยีมันไม่หยุดนิ่ง พัฒนาไปเรื่อยๆ ลองตามเทคโนโลยีดูนะครับ จะได้รู้ว่าสิ่งไหนเป็นประโยชน์กับเรา จะได้นำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำสิ่งต่างๆของเรา นะครับ


















วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แหล่งเรียนรู้ ดูเหมือนไกล แต่ใกล้นิดเดียว


         สวัสดีคร้าบบบ คุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมเกิดนึกถึงคำว่า แหล่งเรียนรู้ ขึ้นมา ผมเลยจะมาเล่าสู่กันฟังถึงแหล่งเรียนรู้ที่หนึ่งที่ผมเคยไปมา นั่นก็คือ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร(ไทย-ญี่ปุ่น) 



          ที่แห่งนี้นะครับ บอกตรงๆเลยว่า ผมไม่รู้จักมาก่อนทั้งๆ ที่ศูนย์ฯนี้อยู่ไม่ไกลจากที่ที่ผมเรียนอยู่เลย มีโอกาสได้มารู้จักก็ตอนที่อ.มอบหมายให้ไปศึกษาแหล่งเรียนรู้ตามสถานที่ต่างๆ จึงได้มารู้จักกันในที่สุด 

          ต่อไปผมจะบอกถึงประวัติความเป็นมาของศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร(ไทย-ญี่ปุ่น) นี้นะครับ 

          เนื่องในวาระโอกาสที่ประเทศไทยจะจัดให้มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปี ของกรุง รัตนโกสินทร์ ในเดือนเมษายน 2525 ทางรัฐบาลญี่ปุ่นมีความประสงค์จะสร้างถาวรวัตถุเป็นอนุสรณ์และมอบให้เป็นของ ขวัญแก่ประเทศไทยในโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้ คณะรัฐมนตรีในสมัย ฯพณฯ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้พิจารณาโครงการต่าง ๆ ที่มีผู้เสนอหลายโครงการด้วยกัน ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างศูนย์เยาวชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาเยาวชน ของชาติ

โครงการระยะแรก รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติเงินช่วยเหลือ 1,000 ล้านเยน สำหรับการ ก่อสร้างในรายการข้อที่ 1 และอัฒจันทร์บางส่วนของสนามกีฬาใหญ่ เริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ 2523 แล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2523 

โครงการระยะที่สอง รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติเงินช่วยเหลือ 1,900 ล้านเยน สำหรับการ ก่อสร้างในรายการที่ 2 - 7 ได้เริ่มดำเนินการในเดือนกรกฎาคม 2523 แล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2524 รวมโครงการทั้งสองระยะ รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเป็นเงินทั้งหมด 2,900 ล้านเยน ประมาณ 252 ล้านบาท กรุงเทพมหานครได้รับมอบงานก่อสร้างจากบริษัท โอบายาชิ งูมิ จำกัด เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2524 โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับมอบ รวมงบประมาณการ ก่อสร้างศูนย์เยาวชนแห่งนี้ ทั้งเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นและเงินงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ทั้งสิ้นประมาณ 300 ล้านบาทเศษ กรุงเทพมหานครได้ตั้งชื่อศูนย์เยาวชนแห่งใหม่นี้ว่า “ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น)
          ที่ศูนย์ฯนี้นะครับ เป็นแหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัยที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยเลยนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กในช่วงวัยเรียน ที่ศูนย์นี้มีทั้งกิจกรรมและวิชาการเปิดสอนครับ เช่น คณิตศาสตร์ ศิลปะ ฯลฯ และก็ยังมีด้านของกีฬาตามความสนใจมากมายเลย เช่น
กระบี่กระบอง เคนโด ตะกร้อ เทนนิส เทควันโด เทเบิลเทนนิส บาสเกตบอล แบดมินตัน เปตอง ฟุตบอล เพาะกาย มวยไทย มวยสากล ยกน้ำหนัก ยูโด โยคะ ลีลาศ ว่ายน้ำ สควอช แอโรบิก ไอคิโดนันทนาการ: คหกรรม ขับร้องเพลง (ไทย-สากล) ดนตรีไทย (ขิม, รวมวง) ดนตรีสากล (กีตาร์โปร่ง กีตาร์เบส , กลอง, รวมวงไวโอลิน, เปียโน) นาฏศิลป์ไทย, นาฏศิลป์สากล (แจ๊ส, บัลเลต์) ภาษาอังกฤษ ศิลปะ (วาดภาพระบายสี, เทคนิคสีน้ำ, หัตถศิลป์)



ซึ่งกีฬาและวิชาการที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น สามารถมาเรียนเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ ไม่มีชั่วโมงเรียน ไม่จำกัดเวลาเรียน ยืดหยุ่นเหมาะสำหรับผู้มีเวลาน้อย ว่างเมื่อไรก็สามารถไปได้ทุกเมื่อ 



                                                                                                                                                                                    สระว่ายน้ำ : ขนาดมาตรฐาน 25 x 50 เมตร


หากใครที่ไปเรียนนะครับ ทั้งทางด้านวิชาการหรือด้านกีฬา ที่นี่จะสอนจนมีความรู้ สามารถนำไปใช้ได้ดีเลยทีเดียว หากใครไม่เก่งเลข ก็มาเรียนเพิ่มจากที่นี่ ก็อาจจะเก่งเลขมากขึ้นก็ได้ หรือใครที่ว่ายน้ำไม่เป็น ก็มาฝึกกับครูสอนที่นี่ ก็จะว่ายเป็นได้ในไม่ช้า เรียกได้ว่า เป็นสถานที่เพิ่มพูนความรู้ด้านต่างๆที่นอกเหนือจากห้องเรียนปกติ

          หากมีเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะไปเยี่ยมชมหรือไปเล่นกีฬานะครับ สถานที่ตั้งของศูนย์อยู่ที่นี่เลยครับ (อาจจะได้เจอผมที่ศูนย์ฯก็ได้นะครับ ^^)

สถานที่ตั้ง : ถนนมิตรไมตรี แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
รถประจำทางที่ผ่าน : 12, 13, 24, 36, 36ก, 54, 69, 73, 73ก,168, ปอ.168, ปอ.171, ปอ.514, ปอ.534, ปอพ.4
โทรศัพท์กลาง : 0 2245 4743-7
ผู้อำนวยการศูนย์: 0 2245 4749
กลุ่มงานธุรการแและบริหารงานทั่วไป: 24,56
กลุ่มงานกิจกรรมและการกีฬา: 32,33
กลุ่มงานการคลัง: 25,57
กลุ่มงานวิชาการ แผนงาน และประชาสัมพันธ์ : 23,54

แผนที่แสดงสถานที่ตั้ง :




วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

Awarded unicef's Poster - Jukka Veistola

       
          สวัสดีคร้าบชาวบล็อคทั้งหลาย วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องของ "สื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้รับรางวัล" นะครับ เมื่อพูดถึงสื่อสิ่งพิมพ์แล้ว หลายๆคนคงจะทราบกันดีนะครับว่าคืออะไร ผมจะบอกให้อีกทีนะ สื่อสิ่งพิมพ์ก็คือ "การพิมพ์ภาพหรือสัญลักษณ์ต่างๆลงบนวัสดุใดวัสดุหนึ่ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อการส่งสารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกันกับผู้ส่งสาร" ถ้านึกตัวอย่างไม่ออกล่ะก็ ฉลากบนขวดน้ำอัดลมที่เราดื่มนั่นก็นับเป็นสื่อสิ่งพิมพ์เหมือนกันนะครับ

          แต่ว่า สือสิ่งพิมพ์นั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน จะมีสื่อสิ่งพิมพ์บางชิ้นเท่านั้นที่จะได้รับรางวัลตามงานต่างๆ เพราะหมายความว่า งานนั้นจะต้องเป็นงานคุณภาพที่หลายๆคนยกย่อง และสามารถส่งสารได้ตามต้องการและเข้าใจได้ตรงกันด้วย และวันนี้ผมได้หยิบหนึ่งในสือสิ่งพิมพ์ที่ได้รับรางวัลมาให้เพื่อนๆดูกันนะครับ


          สื่อสิ่งพิมพ์ที่ผมพูดถึงก็คือชิ้นนี้เลยครับ 

 



          รูปที่เห็นนี้คือโปสเตอร์ของคุณ Jukka Veistola ซึ่งได้ทำโปสเตอร์นี้ออกมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อการรณรงค์ปัญหาโรคเอดส์ เป็นโปสเตอร์ที่ได้รับรางวัลจากงานต่างๆมากมาย หนึ่งในนั้นคืองาน International Competition for Design of a poster for Unicef Childrens' Aid ณ กรุงปารีสในปี 1969 



          หากผมไม่ได้บอกว่าโปสเตอร์นี้ทำมาเพื่องานอะไร เพื่อนๆจะทราบกันมั๊ยครับเนี่ย ว่าผู้สร้างผลงานนี้ต้องการจะสื่ออะไร ผมเองตอนแรกก็มองตั้งนาน เพิ่งจะมาโยงถูกก็ตอนที่รู้ว่าทำมาเพื่อรณรงค์เกี่ยวกับโรคเอดส์นี่เอง


          ในรูปนี้ผู้สร้างผลงานได้ใช้การเทียบสิ่งที่ดูคล้ายกันนะครับ คือต้องการจะสื่อถึงตัวอสุจิที่กำลังแย่งกันเจาะเข้าไปในไข่เพื่อปฏิสนธิ เลยใช้สิ่งของที่เหมือนในการจัดวางให้เหมือนกันแทน โดยช้อนที่เห็นเยอะๆนั้น ก็เปรียบเป็นตัวอสุจิ ส่วนจานใบสีขาวตรงกลางนั่นก็เปรียบเป็นไข่นั่นเอง

          สิ่งที่ทำให้ผลงานนี้โด่งดังและได้รับรางวัลมากมาย ผมคิดว่าน่าจะมาจากการที่ผู้สร้างผลงานสามารถสื่อสารข้อความรณรงค์ออกมาได้ตามโจทย์ โดยไม่มีตัวอักษรแม้แต่ตัวเดียว แค่รูปเพียงรูปเดียว สามารถแทนคำพูด แทนความคิดได้มากมายหลากหลายนัก ความโดดเด่นก็อยู่ที่จานตรงกลางที่เปรียบเหมือนไข่ ให้ความรู้สึกเด่นมากในวงล้อมของช้อน ภาพมีความสมดุลกันหมด มีจุดเด่นและจุดนำสายตา ทั้งภาพดูผสานกันลงตัวอย่างสวยงาม เพื่อนๆว่ามั๊ยครับ ^^




          การได้รับรางวัลมา การจัดวางองค์ประกอบภาพก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ทำให้ผู้ชมผลงานรู้สึกถูกดึงดูดและชักนำให้รับรู้สารนั้นได้ แต่สิ่งที่เหนือกว่านั้นที่จะทำให้ผลงานได้รับรางวัลก็คือ การทำให้ผู้รับสารสามารถได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเข้าใจตรงกันได้แบบง่ายดายไม่ซับซ้อน นั่นเอง